บทนี้ ข้าพเจ้าขอเล่าเรื่อง "การหาที่พัก" เมื่อมาอยู่ ต่างประเทศ หน่าก้ะ
ที่พักที่ว่านี้จิเป็นประสบการณ์ของ จขบ.เอง ที่ Vancouver, Canada ส่วนที่อื่น อาจต่างกันไปนะ
เริ่มต้นการมา ตปท. ถ้าไม่รุจักใครที่นี่เรย แนะนำให้หา host ค่ะ
เพราะการมี host เค้าจะพาเราไป เปิดบัญชีธนาคาร และไปเปิดเบอร์มือถือ โดยที่เราไม่ต้อง งมเอง
และ host สามารถแนะนำได้ว่าการเดินทางหลักๆเป็นยังไง พาชมเมืองคร่าวๆได้
หลังจากนั้น ถ้าอยากย้ายออกมาอยู่เองค่อยหาบ้าน
แต่ถ้าบางคนเจอ host ดีก้อเลี้ยงเหมือนลูกเรย ก้อไม่ยอมย้ายออกกันก้อมี
แต่บางคน เจอไม่ดี อยู่เดือนเดียว ก้อตีปีกพับๆ ออกไปหารังใหม่กัน
จขบ. ตอนเดือนแรกๆ มาอยู่กับป้า
พอป้ากลับไทย ก้อเรยต้องหาห้องเปนของตัวเอง
และได้เปลี่ยนบ้านไป 1 หลัง มาเปนที่อยู่ปัจจุบัน
โอเค เริ่ม ,,
การอยู่อาศัยที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็น share ค่ะ
ในที่นี้หมายถึง อยู่ด้วยกันเนี่ยแหล่ะ เป็น บ้านหรืออพาตเม้นท์เดียวกัน แต่แยกห้องนอน
จะเป็น share ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ตู้เย็น ส่วนกลางต่างๆ
หรืออาจจะมีบ้างที่ share ห้องนอนก้อจะถูกหน่อย อันนี้ แล้วแต่คนรับได้หรือไม่ได้
(แต่ส่วนตัวไม่แนะนำ เพราะปัญหาเยอะ กลายเปนต้องย้ายที่อยู่บ่อยๆ)
ที่นี่จะใช้เวปไซต์ชื่อ www.craigslist.ca
เวปนี้จะเปนแหล่งรวมทุกอย่าง ตั้งแต่หาห้องเช่า บ้าน ขายของ แจกของ ตามหมวดหมู่ไป
ให้เราไปในหมวด housing เสดแล้วเลือก rooms/ shared แล้วก้อเลือก สถานที่ที่ชอบได้เรย
trip สำหรับการเลือกบ้านคือ
1. ราคา
ราคาถ้าอยู่ใน downtown แน่นอน มันแพง ถ้าถูก ห้องจะเล็ก หรือไม่ก้อต้อง นอนกับคนอื่น
หรือไม่ก้อ เจ้าของห้องมันจะเอาอะไรมากั้นห้องนั่งเล่นทำเป็นห้องนอนอีกที ถ้าใครรับได้โอเค
ข้อดีคือใกล้โรงเรียน ใกล้ downtown เดินทางสะดวก บางคนก้อไม่ต้องซื้อตั๋วรถเรย เดินไป โรงเรียนเอา ข้อเสียอย่างที่บอก ถ้าไม่แพงก้อเล็ก ถ้าถูกก้อต้องเสียความเป็นส่วนตัว
แนะนำว่า ถ้าใครไม่ mind เรื่องการเดินทางไป โรงเรียนนานหน่อย (30 นาที พอรับได้) ให้ออกไปอยู่ไกลๆหน่อยจะดีกว่า กว้างกว่า ถูกกว่า การอยู่ downtown ค่ะ
ราคาบ้านถ้าเอาเฉลี่ย แบบรับได้ แนะนำว่าให้หาประมาน 500-700 ก้อพอ อันนี้ต้องรวมทุกอย่างนะ (สำหรับเรา) อินเตอร์เนต, ค่า laundry คือไม่ต้องออกอะไรเพิ่มแล้ว นอกนั้นในความรุสึกเรา เราว่ามันหนักไปหน่อยสำหรับค่าบ้าน
*หากคนที่เคยอยู่ร่วมหอกับคนมากๆมาแล้ว อย่ามั่นใจในตัวเองเกินไป เพราะว่าทีนี่หลากหลายคน หลากหลายวัฒนธรรม friendly ไม่ช่วยอะไรในจุดนี้ เพราะมันพูดยาก เราไม่สามารถเลือก roommate ได้เรย
2. ระยะทาง + ความสะดวก
การเดินทางไปไหนมาไหน สะดวกสุดก้อรถไฟฟ้าค่ะ
เพราะฉะนั้น เวลาหาทำเล ให้หาทำเลที่ติดรถไฟฟ้าไว้ก่อน สะดวกดี
ซึ่ง พวก landlord หรือ เจ้าของที่ที่ให้เราเช่าเนี่ย เค้าก้อจะเอาจุดนี้มาเปนจุดขายของสถานที่
แน่นอน มันไม่มี perfect place และการโฆษณา ส่วนใหญ่เกินจิง
บางคนขายของว่าติด รถไฟฟ้า เดิน 10 นาทีถึง แต่จิงๆแล้ว นานกว่านั้นมาก
รถไฟฟ้าที่นี่จะแบ่งจ่ายเป็น zone อีก คือถ้าข้ามไป zone 2 ก้อต้องจ่ายเพิ่มเป็นเท่าตัว
เราต้องหาว่า โรงเรียนเรา zone ไหน ใกล้ไกล โรงเรียนแค่ไหนต้องจ่ายค่ารถไฟฟ้าเพิ่มมั๊ยด้วย
บ้านหลังแรก ของ จขบ. เป็นบ้านหลังใหญ่
ไปดูแล้วชอบมาก แต่ตอนไปดูเนี่ย มันดูใกล้
เพราะไอนายหน้า มันดันขับรถพาไป เรยมองดูคล่าวๆ แล้วมันก้อใกล้ดี
และชอบที่บ้านหลังใหญ่ ราคากลางๆ พอรับได้ถ้าเทียบกับห้อง เรยตกลงเช่า
ตอน summer เนี่ย มันก้อเดินได้อยู่หรอก 30 นาทีกลับบ้าน
แต่พอ winter ชอคค่ะ ... ไม่เอาแล้ว .. ไม่โอเค นานไป
รถ bus จาก รถไฟฟ้าจอดหน้าบ้านก้อรอนานมาก คือ ไม่สะดวกเรย เรยตัดสินใจย้ายออกดีกว่า
แนะนำเรย การไปดูบ้าน ลองเดินของจิง เดินเรย อย่าไปเชื่อคำโฆษณา เดินเอาให้รู้ว่าเราเดินจาก รถไฟฟ้าไปบ้านได้ ประมาณตัวเองด้วยนะ ว่าเดินได้ทั้งหน้าร้อนและหน้าหนาว
เพราะหน้าหนาว หนาวจิงๆ คือ เดินแล้วทรมาน หรือไม่ก้อ โอเค ถ้าหากไกล ก้อต้องหาที่มันติดป้ายรถเมล์ และรถเมย์ ผ่านบ่อยๆ อย่างน้อยๆ ก้อต่อรถเมย์ถึง
สิ่งต่อไปเป็นสิ่งหลอกอีกอย่าง พวกบ้านบางบ้าน จะชอบโฆษณาว่าติดป้ายรถเมล์
แต่จะบอกว่า ไม่ใช่ทุกป้ายรถเมล์ จะสะดวก เพราะบางทีต้องรอรถนานถึง 30 นาที
บางทีแมร่งก้อไม่มา (เช่นบ้านเก่า จขกบ.)
ยืนหนาวไปสิ รอไปสิ เพราะฉะนั้นการไปดูบ้าน
ก้อไปดูป้ายรถเมล์ด้วยเรย ว่ารถมาถี่แค่ไหน
ไม่ก้อใช้ application " transitDB " ใครไป Vancouver แนะนำอันนี้เรย สะดวกมาก
ดูรถได้ทุกสาย บอกเวลา ละเอียดมาก ตรงเป๊ะ บอกวิธีไปสถานที่นึงจากสถานที่นึงด้วย คือดี
จำไว้ว่า ใกล้ป้ายรถเมล์ ใช่ว่าจะสะดวก ลองไปเดินดูค่ะ ว่าโอเคมั๊ย กับระยะทาง และการต่อรถ
คิดถึงช่วงหน้าหนาวเข้าไว้ว่ามันทรมานแค่ไหน คิคิคิ
3. basement กับ upstairs
อันนี้มันจะสำคัญกับ อุณหภูมิค่ะ basement จะหนาวกว่า
แต่ถ้าหน้าร้อน อากาศในห้องจะพอดี เวลาเราเดินเนี่ย คือก้อจะไม่มีใครได้ยินเสียง
กระโดดออกกำลังกายในห้องได้ โอเค
แต่ถ้า upstairs จะอุ่นกว่าแต่ถ้าหน้าร้อน ก้อร้อนเรยแหล่ะ โดยส่วนตัวเราชอบ basement มากกว่า
4. อย่าจองจนกว่าจะได้ดูห้องจริงๆ
เราถึงแนะนำว่า ให้ไปอยู่กับ host ก่อน เพราะระหว่างเราเลือกที่อยู่เอง
จะได้มีเวลา "ไปดูบ้าน" กับตาตัวเอง
เพราะว่ารูปถ่ายนั้น บ่งบอกอะไรไม่ได้เรย
ส่วนใหญ่แล้วบ้านที่ไปดูมา เก่า ไม่สะอาด เล็กกว่าในรูปมาก
เพราะฉะนั้น ไปดูด้วยตัวเองเรยค่ะดีที่สุด
5. สัญญาการจอง
เราจะต้องจ่าย deposit หรือว่า มัดจำ ส่วนใหญ่แล้วให้จ่ายคึ่งนึงของค่าที่พักเนี่ยแหล่ะ แล้วก้อจ่ายล่วงหน้า 1 เดือน ระบบจะเปนงินะ แต่อันนี้เราไม่แน่ใจ ในระบบ ของ อาพาตเม้นท์ หรือคอนโด เพราะเราไม่เคยอยู่
6. roommate
อันนี้แหล่ะ ปวดใจที่สุด คือเราเลือกไม่ได้ เราต้องพยายามอยู่ร่วมกันกับคนอื่นให้ได้ บางทีต้องจัดเวร บางทีเราก้อต้องจำใจทำเองถ้าเห็นว่ามันสกปรกจนทนไม่ไหว บางคนก้อมีปัญหา จนต้องย้ายบ้านบ่อยๆ
เนี่ยแหล่ะ ชีวิตเมืองนอก ไม่ได้ดีอย่างที่คิดหรอก (ถ้าไมไ่ด้มาแบบบนกองเงินกองทองอ่ะนะ)
อีกสิ่งที่ต้องดูคือ กฏของบ้าน มี party ได้มั๊ย (คือถ้าได้ต้องทำใจไว้เรยว่าเสียงดังแน่ๆตอนกลางคือ) ห้ามสูบบุหรี่มั๊ย (เหมือนบ้านตอนนี้ห้ามคือดีมาก) ห้ามเลี้ยงสัตว์ ห้ามใช้ยา เอาที่ปลอดภัย
เพราะล่าสุด ได้ข่าวจากเพื่อนบ้านเก่า คือ ไร้กฏ ไร้การดูแลและควบคุม สรุปคือคนเช่าบ้าน ขโมยของกันเอง เอาเพื่อนมาบ้านนั่งคุยกันเสียงดังจนไม่เกรงใจเพื่อนบ้านคนอื่น คือ แบบนี้ก้อไม่โอเคเนอะ
ที่แนะนำได้ก้อมีเท่านี้
ขอให้โชคดีกับการหาบ้านนะแจ๊ะ
จุ๊ฟ