Sunday 22 February 2015

ติ ด ห ว า น,,

วันนี้ทำงาน ทั้งหมด 8 ชม. เต็มไม่ได้พัก ,,
เลิกงานก็เลยนั่งแหมะ นั่งเม้าท์กับเพื่อนร่วมงานที่ร้านพักใหญ่

เพื่อนร่วมงานคนนี้เป็นเด็กใหม่ สัญชาติญี่ปุ่น

คุยกันไปคุยกันมา ไม่รุ มาถึงเรื่อง "อาหาร" ได้ยังไง,,

นางบอกว่า นางชอบอาหารไทยมาก
นางชอบผัดไทย กับข้าวผัดสับประรด..

เราเรยบอกนางว่า จริงๆแล้ว คนไทยไม่ได้กินผัดไทย และข้าวผัดสัปรดเป็นอาหารหลัก..
คนญี่ปุ่นก้ออึ้ง จิงงงงหรอออออออ

เราก็เรยเล่า พฤติกรรมการกินอาหารในแต่ละวันของไทยเอี้ยน ให้ฟัง,,

เล่าไปเล่ามา เราก้อทำให้เราหวนนึกถึงอะไรบางอย่าง,,
รู้สึกว่า .. เรากำลังเปลี่ยนไป..

ในขณะที่ใช้ชีวิตมาอยู่ที่นี่ 1 ปีเต็ม,,

------------------------------------------------

เราเปลี่ยนจากการเข้าร้านอาหาร " fast food แบบไทยๆ" ที่เสริฟร้อนๆ เร็วๆ มี Carbs, Protein, ซุป, ผัก บนจานข้าว มาเป็น " fast food แบบฝรั่ง" ที่ง่ายๆ ขนมปัง เนื้อ ชีท ประกบกันห่อในกระดาษ

เราเปลี่ยนจาก ตื่นเต้นกับกาแฟ Starbucks ที่นานน๊านนน จะกินที มาเป็น กินเกือบทุกวัน เพราะถ้าใช้เงินหน่วย ดอลล่า แล้วมันถูกกว่าที่ไทย

เราเปลี่ยนจาก ขนมซอง 5 บาท ที่ เปิดถุงมานับชิ้นได้กินพอหายอยาก มาเป็น โดนัท, มัฟฟิน, ครัวซอง ที่อยู่ที่ไทย แทบจะไม่ได้แตะ เพราะไม่คุ้มเงินจะซื้อ

เราเปลี่ยนจาก น้ำเปล่าขวด 5 บาท มาเป็นน้ำอัดลม เพราะมันถูกกว่าน้ำเปล่า..

เราเปลี่ยนจาก ผลไม้รถเข็น 3 ชิ้น 1 เหรียญ มาเป็น ... อืม.. เศษผลไม้จาก yogurt ไม่ก็ต้องซื้อเป็น 1 ลูก 3 เหรียญ..

เราเปลี่ยนจาก น้ำซุปใสๆ หอมเครื่องเทศ ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยว มาเป็น ซุปข้นๆจากครีม ,, นม ใส่มันต้ม

เราเปลี่ยนจาก หมูสับ มาเป็น หมูเบค่อน

เราเปลี่ยนจาก ชานมไข่มุก ไซส์ 250 ml. มาเป็น 750 ml.

เราเปลี่ยนจาก กินข้าวชามน้อยๆ กับน้อยๆ เนื่องจากแม่ค้า งก มาเป็น ชามที่มีปริมาณอาหาร 2 เท่าจากของเดิม..

ที่สำคัญที่สุด..
เราเปลี่ยนจากคน "ไม่กินหวาน" มาเป็น "ขาดหวานไม่ได้" ...
จากเป็นคน "ไม่กินมันๆ" มาเป็น "เบค่อน เนย ครีม"..
จากเป็นคนเคยกิน "พอประมาณ" มาเป็น "กิน 2 เท่าจากเดิม"

จำได้ว่า,,
แต่ก่อน มาแรกๆ กินโดนัท มัฟฟิน มันหวานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แล้วก็ไม่ค่อยซื้อ
เดี๋ยวนี้ กินแล้วเฉยๆ แถมกลับรู้สึก satisfied กับรสชาติ..
แถมพอไม่ได้กินไปวันนึง แล้วมีความรู้สึก.. เหมือนชีวิตขาดอะไรบางอย่าง.. และอยากกิน..

------------------------------------------------------

ดึงตัวเองกลับมาจาก ภวังค์ ..
และกำลังรู้สึกตกใจ กับพฤติกรรมการกินที่เปลี่ยนไปโดยตอนนี้ เพิ่งจะมารู้ตัว..

มันใช้เวลาเปลี่ยนมาเรื่อยๆ เป็นปี ,,
จนตอนนี้ กลายเป็นความ "เคยชิน"

ตอนนี้ผลกระทบเรื่องน้ำหนักคงไม่สำคัญเท่า "สุขภาพถาวร"
ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ นานกว่านี้ โรคไม่ติดต่อเรื้อรังคงได้ถามหาแน่ๆ ,,

ต้องทำอะไรสักอย่างแล้วสินะ
ต้องเปลี่ยนแปลงใหม่อีกรอบ อย่างจริงจัง..


จิงๆแล้ว แค่อยากจะสื่อว่า

อาหารการกิน ,, คนไทย น่าอิจฉากว่าเยอะ
ทุกอย่างอุดมสมบูรณ์
อาหารยากๆก้อมีคนทำให้แค่ออกไปซื้อหน้าปากซอย

แต่ก่อนเคยโหยหาแซนวิช ..
เคยคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ หรูหรา,,

ตอนนี้รู้สึกว่า แซนวิช เป็นอาหารที่ไม่มีอะไรเลย..
อยากอร่อยต้องหาวัตถุดิบที่ดีแค่นั้น
ขนมปังดีดี ชีทดีดี เนื้อดีดี

ไม่เหมือนอาหารของไทยเรา
กว่าจะมาเป็นข้าวจานนึง ใช้ส่วนผสมตั้งหลายอย่าง
มีทั้งเครื่องปรุงเครื่องเทศ
ไม่ใช่ทุกคน ที่จะทำอร่อย ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะทำเป็น

แถมหาซื้อง่าย และราคาถูก

ผลไม้ยังมีคนเฉาะ มีคนปลอกให้กิน..
ผักก็มีเยอะแยะให้เลือก ไม่ชอบผักขม ผักไม่ขมก้อมี

ขนมไทยเราก้ออร่อย และถูก
และดูเหมือนจะอ้วนน้อยกว่า ขนมฝรั่งเป็นไหนๆ

ตอนนี้คงต้องปรับตัวกันใหม่
คงลงแดง กับการเลิกอาหารหวาน, มัน, เค็ม ไปพักใหญ่ๆ
เพื่อสุขภาพระยะยาว