โพสนี้ เรามาพูดถึงการเรียนภาษาที่ต่างประเทศกันดีกว่า,,
ตอนที่เราได้ยินใครสักคนพูดว่า "ไปเรียนต่างประเทศ"
เราจะมีความรู้สึกว่า :
"โอ้โหหหหหหหห เก่งอ้ะ"
"หุยยยยยย กลับมาต้องพูดคล่องแน่ๆ"
"โหยดีจังเลยได้เที่ยวด้วย"
"อย่าลืม ภาษาไทยนะ"
และอีกนานับประการต่างๆนานา
เราเรยมีความรู้สึกว่า คนไทยส่วนใหญ่ ยังคงแอบมีความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับการไปเรียน ต่างประเทศอยู่
จริงๆแล้วการมาเรียนภาษาที่ต่างประเทศในตอนนี้เราขอแบ่งออกเป็น 4 แบบใหญ่ๆนะ,,
1. ไปแบบ work and travel
2. ไปเรียนแบบ ESL หรือ English as a second language.
3. เรียนแบบ Academic
4. เรียนแบบระดับ High school grade 12, college, หรือ university
มาพูดถึงแบบแรกกันดีกว่าหรือว่าแบบ work and travel
แต่เราคงลงรายละเอียดไม่ได้เยอะ เพราะเราไม่เคยเข้าโปรแกรมนี้
แต่เท่าที่ฟังมาก็ออกแนวว่า ไปทำงานเลย แล้วก็ไปใช้ภาษาอังกฤษเลย เก็บเงินใช้ชีวิต และไปเที่ยว
เพราะฉะนั้น คนที่พอจะมีพื้นฐานทางภาษาบ้าง (หรือไม่มีแต่ใจกล้าก็ไปได้) ก็จะไปเที่ยวเล่น แล้วก็กลับบ้าน สนุกสนานกันไป
ผลลัพท์ของคนที่เลือกโปรแกรมนี้ คงจะเป็น ความคล่องในการใช้ภาษาพื้นฐานในการดำรงชีวิต และการติดต่อสื่อสารประจำวัน เพราะได้ใช้ภาษาอย่างจริงจัง ไม่จำเป็นต้องแคร์ว่าถูกหลักการหรือไม่ รวมถึงประสบการณ์ การทำงาน เอามาใส่ resume สวยๆ แล้วก็ประสบการณ์การใช้ชีวิต
ส่วนแบบที่ 2 แบบ ESL หรือ English as a second language
แบบนี้คนมาเรียนเยอะค่ะ
เริ่มจาก เลือกประเทศที่จะไป เลือกโรงเรียนที่น่าเรียน หลังจากนั้นก็
จ่ายเงินซื้อ course ตาม agency ทำเรื่องขอ visa แล้วก็บินไปเรียน ตามแต่ที่ใจต้องการกันไป
การเรียนคอส ESL เรียนไม่ยากค่ะ แต่พื้นฐานภาษาอังกฤษจะแน่นกว่า แบบแรก เพราะว่าได้เรียนไปใช้ไป ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานภาษาอังกฤษมาก่อนก็ได้
จากประสบการณ์คนเขียน เคยเจอคนที่พูดไม่ได้ฟังไม่ออกแม้แต่คำว่า "Where are you from ?"
ก็ยังมี
ส่วนใหญ่แล้ว โรงเรียน ESL จะขึ้นเทอมใหม่ ทุกๆ 1 เดือนค่ะ
ก่อนเข้าไปเรียน เค้าก็จะมีวัดระดับภาษาเราว่าเราได้อยู่ใน ระดับภาษาอะไร หลังจากนั้นก็จะจัดให้เราไปอยู่ตามห้องในระดับเดียวกัน
การเรียน ESL หลักๆเลยก็จะมี 4 skills ค่ะ
ฟัง, พูด, อ่าน, เขียน
เรียนไม่หนักค่ะ เริ่ม 9 โมงเช้า เลิกบ่าย 3
การเรียนก็สบายๆนะ เหมือนนั่งคุยกันมากกว่า
จริงๆแล้วการมาเรียน ESL ที่ต่างประเทศ ถ้าใครคาดหวังว่าจะกลับไปแล้วพูดคล่องปร่อหยั่งก้ะ native speaker เนี่ย .. เบรค ความคิดไว้เลยค่ะ
การมาเรียน ESL ที่ต่างประเทศเนี่ย มันก็พัฒนาอยู่นะคะด้านภาษา แต่ไม่ได้พัฒนาขนาดนั้น
ถึงแม้ว่าพัฒนาการของเราจะมากขึ้น(จ่ายเงินแล้วก็ต้องพัฒนาบ้าง) เราจะคล่องตัวมากขึ้น
เราจะฟังได้มากขึ้น เราจะโต้ตอบได้ดีขึ้น เราจะอ่านได้มากขึ้น เราจะเขียนได้มากขึ้น ก็ตามแต่
ทำไมหน่ะหรอ ?
เพราะว่าการเรียน ESL เหมือนเป็นการมา เรียนรู้ในการใช้ภาษา และ เรียนรู้ในการใช้ชีวิตต่างแดน
เพื่อนที่พูดด้วยก็จะอยู่ในระดับเดียวกัน ฉันก็พูดไม่ได้ แกก็พูดไม่ได้ เพราะฉะนั้น การพัฒนาไปด้วยกัน
ทำให้พัฒนาการมันค่อยๆเป็นค่อยๆไป
ESL เรียนสนุกค่ะ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้พูดภาษาเดียวกัน แต่เราก็ งูๆปลาๆ ใส่กันให้หัวเราะได้
ESL ทำให้เรามีเพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว เพื่อน party ถ้าอยากพูดมากขึ้น เราก็ต้องออกไป เที่ยวเล่นกับเพื่อนมากขึ้น ในที่นี้หมายถึงเพื่อนที่พูดต่างภาษากับเรานะ
ESL ทำให้เราได้เอาภาษาอังกฤษมาใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น ทำให้เราคุ้นเคยกับการตอบคำถาม
และคล่องตัวกับภาษามากขึ้น ที่เห็นชัดเจนจะเป็น skill ฟังกับพูด ที่ยังไง๊ ยังไง ก็ต้องได้กลับไปหล่ะอ่ะ
ESL ทำให้เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น บราซิล เวียดนาม ฯลฯ มีอีกหลายอย่างบนโลกนี้จริงๆค่ะ ทีเราว่าเค้าแปลก และเค้าว่าเราแปลก บางทีเค้าก็เข้าใจวัฒนธรรมเราผิด บางทีเราก็เข้าใจวัฒนธรรมเค้าผิด ยิ่งคุยก็ยิ่งสนุก
ESL ทำให้เราได้เรียนรู้คำหยาบคายในภาษาอื่นๆอีกหลายภาษา 555
โดยสรุปแล้ว ,, เราจะได้ประสบการณ์และความคล่องตัวในการใช้ภาษาพื้นฐาน เพื่อติดต่อสื่อสารค่ะ
ยังคงไม่ถึงขั้นมืออาชีพอย่างที่เราคิดไว้
สำหรับใครที่คิดว่า โห,, เราไม่มีพื้นฐานอะไรเลย คงไปไม่รอด
อย่าไปคิดอย่างนั้นค่ะ ถ้าอยากเก่งก็ต้องขยัน ของแบบนี้ฝึกกันได้ ยังไงก็เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว
การมาเรียน ESL ที่ Vancouver ก็ดีเหมือนกันนะคะ
เพราะที่นี่คนเอเชียเยอะ เราจะเห็นคนหน้าเอเชียที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรกเยอะแยะ
คนฝรั่งที่นี่เค้าก็เข้าใจเรา เพราะเค้าเห็นนักท่องเที่ยว และ Immigrant ที่เป็นเอเชีย
เค้าก็พยายามเข้าใจเราอยู่แล้ว
แต่ข้อเสียคือ พัฒนาการมันช้า เพราะพูดก็พูดกับคนในระดับเดียวกัน ค่อยๆเรียนรู้ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ที่พูดไปก็ไม่รู้ถูกมั๊ย ที่ฟังมาก็ไม่รู้เข้าใจป่าว ทำนองนั้น แล้วเราก็จะไมไ่ด้สำเนียงเท่าไหร่
ถ้าอยากได้สำเนียง ก็คงต้องฝึกเอง
และที่ยากที่สุดเราคิดว่า ฟังคนญี่ปุ่นพูด เพราะภาษาของคนญี่ปุ่นมันไม่ค่อยมีตัวสะกด ภาษาเค้ามีสระพื้นฐานแค่ 5 ตัว อะ อิ อุ เอะ โอ่ะ แล้วจับคน ญี่ปุ่นมาพูดอังกฤษเนี่ย ฟังยากโคดดดดดด ไม่ได้ฟังยากอย่างเดียวด้วยนะ พูดกับพวกนาง พวกนางก็ไม่ค่อยเข้าใจด้วย
เดี๋ยวเอาไว้โพสอื่นๆค่อยเล่าประสบการณ์สนุกๆที่เจอมาแล้วกันเนอะ แปะไว้ก่อนนะ อิอิ
_______
โดยสรุปแล้ว การเรียนภาษาอังกฤษในแบบ work and travel และ ESL จะเหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้จริงจังว่าอยากจะได้ภาษาอังกฤษอะไรมากมายค่ะ
คนที่มาลงแบบนี้ ส่วนใหญ่จะมากันเล่นๆ เรียนไปเที่ยวไป เรียนรู้ และใช้ชีวิตในต่างแดนไปเรื่อยๆซะมากกว่า
ภาษาก็จะได้คล่องตัวระดับหนึ่ง (แต่ใครได้เยอะก็ดีหน่อยนะ) ไม่ได้กลับไปแบบโห พูดน้ำไหลไฟดับ
อ่าว ,, แล้วถ้าอยากจริงจังกับภาษาหล่ะ ?
เดี๋ยวค่อยมาเขียนต่อโพสหน้าแล้วกันเนอะ ,,
กับอีก 2 แบบที่เหลือค่ะ
ราตรีสวัสดิ์ จาก Vancouver คร๊าาาาาา =3
12 September 2014
No comments:
Post a Comment